

เกม Valorant เล่นนานแค่ไหน? ระยะเวลาการแข่งขันตามโหมดต่าง ๆ

Valorant เป็นหนึ่งในเกมยิงแข่งขันที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในขณะนี้ มอบโหมดเกมหลากหลายให้ผู้เล่นได้เลือก ตั้งแต่แมตช์ปกติไปจนถึง Spike Rush แต่ละโหมดมีระยะเวลาที่ไม่เหมือนกัน จึงสำคัญมากที่จะต้องรู้ว่าคุณจะต้องเตรียมเวลาเท่าไรสำหรับการเล่นเกมเต็มรูปแบบ
การเข้าใจความยาวเฉลี่ยของแต่ละโหมดเกมช่วยให้คุณใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่าที่สุด เรามาแยกวิเคราะห์ระยะเวลาของแต่ละโหมดใน Valorant ตั้งแต่แมตช์ที่ยาวที่สุดจนถึงเกมทั่วไปที่รวดเร็วที่สุดกันเถอะ
อ่านเพิ่มเติม: ขนาดของ Valorant คือเท่าไร? ขนาดการดาวน์โหลด & ติดตั้ง (2025)
เกม Valorant รอบหนึ่งใช้เวลานานเท่าไรโดยเฉลี่ย?

เกม Valorant มีระยะเวลาประมาณ 35-45 นาทีโดยเฉลี่ย ระยะเวลานี้จะแตกต่างกันไปตามปัจจัยอย่าง Rank, ระดับทักษะของทีม และโหมดเกมที่คุณเลือก
ระยะเวลาการแข่งขันอาจแตกต่างกันอย่างมากขึ้นอยู่กับความสมดุลของทีมการแข่งขัน ว่ารอบต่อรอบต้องเล่นโอเวอร์ไทม์หรือไม่ และความรวดเร็วในการทำภารกิจสำเร็จ การแข่งขันที่มี Rank สูงมักจะใช้เวลานานกว่าเนื่องจากผู้เล่นมักใช้แนวทางที่เน้นกลยุทธ์และการวางแผนที่ประสานงานกันมากขึ้น
เราจะสำรวจระยะเวลาของแต่ละโหมดเกม Valorant ดังนี้:
- Unrated & Competitive
- Swiftplay
- Spike Rush
- Deathmatch & Team Deathmatch
- Escalation
แต่ละโหมดจะมอบประสบการณ์การเล่นและเวลาที่แตกต่างกัน ทำให้คุณเลือกได้ตามเวลาที่มีได้เหมาะสม มาดูรายละเอียดของแต่ละรูปแบบกันครับ
Unrated & Competitive

แมตช์แบบ Unrated และ Competitive เป็นโหมดเกมที่ใช้เวลานานที่สุดใน Valorant โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที ทั้งสองโหมดมีโครงสร้างเหมือนกัน: ทีมต้องชนะ 13 รอบเพื่อคว้าชัยชนะ
แต่ละแมตช์จะแบ่งออกเป็นสองครึ่ง โดยแต่ละครึ่งจะเล่น 12 รอบ โดยทีมจะสลับเป้าหมายระหว่างการบุกและการป้องกันในช่วงพักครึ่ง เมื่อทั้งสองทีมมีคะแนนเสมอกันที่ 12-12 เกมจะเข้าสู่ช่วง ต่อเวลาพิเศษ ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ทีมจะสลับฝั่งกันในแต่ละรอบจนกว่าทีมใดทีมหนึ่งจะทำคะแนนนำห่างสองรอบ รอบต่อเวลาพิเศษอาจเพิ่มเวลาการแข่งขันขึ้นอีก 10 นาทีหรือมากกว่านั้น โดยเฉพาะเมื่อทั้งสองทีมผลัดกันชนะรอบไปมา
อ่านเพิ่มเติม: Valorant Error Code 57: มันคืออะไรและแก้ไขอย่างไร
Swiftplay

Swiftplay ย่อรูปแบบการแข่งขัน Valorant มาตรฐานให้เป็นเกมระยะเวลา 15-20 นาที ทีมต้องชนะเพียง 5 รอบเพื่อคว้าชัยชนะ ซึ่งเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้เล่นที่ต้องการความเล่นเชิงกลยุทธ์เหมือนแบบ Unrated/Competitive แต่ไม่สามารถเล่นแมตช์เต็มรูปแบบได้ โหมดนี้เก็บกลไกหลักทั้งหมดไว้ครบถ้วนในขณะที่ลดจำนวนรอบลงอย่างมาก
Spike Rush
Spike Rush ถือเป็นโหมดเกมที่สั้นที่สุด โดยแมตช์เฉลี่ยจะใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที โดยทีมจะแข่งขันเพื่อชนะ 4 รอบ ผู้เล่นจะได้รับอาวุธแบบสุ่มในแต่ละรอบ รูปแบบที่เรียบง่ายนี้พร้อมกับชุดอุปกรณ์ที่เตรียมไว้ล่วงหน้าทำให้เหมาะสำหรับการเล่นเกมแบบรวดเร็วหรือลดความหนาวเย็นก่อนเริ่มจริง
Deathmatch & Team Deathmatch
โหมด Deathmatch มีผู้เล่น 10 คนในการแข่งขันแบบแย่งกันยิง โดยผู้ที่ทำคะแนนฆ่าได้ 40 รายนแรกจะเป็นผู้ชนะ การแข่งขันเหล่านี้โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที พร้อมกับเวลาฟื้นคืนชีพ 1.5 วินาที ทำให้ผู้เล่นสามารถเกิดใหม่ได้แทบจะในทันทีและเลือกอาวุธที่ชื่นชอบได้
Team Deathmatch เปลี่ยนรูปแบบนี้เป็น 5v5 ซึ่งทีมจะต้องแข่งขันกันเพื่อให้ได้ 100 คะแนนฆ่าก่อน โดยแมตช์เหล่านี้มีเวลาจำกัด 9 นาที 30 วินาที แม้ว่าส่วนใหญ่เกมมักจะจบราวๆ นาทีที่ 7
อ่านเพิ่มเติม: วิธีเปลี่ยน FOV ใน Valorant
Escalation

Escalation เป็นโหมดสไตล์เดธแมตช์ (5v5) ที่ผู้เล่นจะต้องกำจัดศัตรูไปพร้อมกับการใช้อาวุธแบบสุ่ม 12 ชนิดตามลำดับ ทีมแรกที่เล่นครบทุกอาวุธหรือทีมที่มีความก้าวหน้าสูงสุดเมื่อหมดเวลาจะเป็นผู้ชนะ (10 นาที) การแข่งขันโดยปกติใช้เวลาประมาณ 7 ถึง 10 นาที ทำให้เป็นทางเลือกที่รวดเร็วและเต็มไปด้วยแอ็กชันแทนโหมดเกมมาตรฐาน
Valorant แต่ละรอบนานเท่าไหร่?
รอบมาตรฐานของ Valorant ใช้เวลานาน 140 วินาที ซึ่งรวมถึงช่วงซื้อของ 30 วินาทีในตอนเริ่มต้น เมื่อมีการวาง spike รอบจะขยายเวลาออกไปอีก 45 วินาที เพื่อให้ฝ่ายป้องกันมีเวลาพยายามถอดชนวน
รอบแรกของแต่ละแมตช์จะใช้เวลานานเล็กน้อย อยู่ที่ 155 วินาที โดยมีช่วงซื้อไอเทมที่ยาวขึ้นเป็น 45 วินาที เพื่อให้ผู้เล่นได้วางแผนและจัดซื้อไอเทมได้เต็มที่ เวลาซื้อที่นานขึ้นนี้ช่วยให้ทีมสามารถประสานงานแผนการในรอบแรกได้ดีขึ้นและมั่นใจว่าทุกคนพร้อมสำหรับการแข่งขันที่กำลังจะมาถึง
ข้อสรุป
โหมดเกมของ Valorant เหมาะกับตารางเวลาที่หลากหลาย ตั้งแต่การแข่งขัน Spike Rush แบบรวดเร็ว 5 นาที ไปจนถึงเกม Competitive เต็มรูปแบบที่ใช้เวลา 45 นาที การเข้าใจช่วงเวลานี้จะช่วยให้คุณเลือกโหมดที่เหมาะกับช่วงเวลาการเล่นของคุณ ไม่ว่าคุณจะวอร์มอัพด้วย Deathmatch สั้นๆ หรือเตรียมพร้อมสำหรับแมตช์ Competitive แบบเต็มรูปแบบ ตอนนี้คุณก็สามารถจัดตารางเกมของคุณได้ตามนี้
คุณอ่านจบแล้ว แต่เรายังมีเนื้อหาสาระเพิ่มเติมที่คุณสามารถเรียนรู้ได้ นอกจากนี้ เรายังมีบริการสุดล้ำที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมของคุณให้ก้าวไปอีกขั้น แล้วคุณอยากทำอะไรต่อดี?
“ GameBoost - แพลตฟอร์มบริการเกมครบวงจรที่มีพันธกิจเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตของนักเล่นเกมในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหา สกุลเงิน ไอเท็ม บัญชีคุณภาพสูง หรือ Boosting เราพร้อมบริการคุณ! ”
